ผ้าขี้ริ้วห่อทอง เรื่องจริงที่คุณจะต้องอึ้ง



+++ ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ความงามที่มีค่า ซ่อนอยู่ภายใน… +++
คนสมัยนี้ มันดูกัน แค่ภายนอกจริงๆครับ…
แต่เรื่องราวต่อไปนี้ จะทำให้ คุณต้อง…อึ้ง!

“อย่า วัด คน แค่ ภายนอก..!”
เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นบทความดีๆ…แฝงข้อคิด…
รับรองเลยว่า อ่านแล้ว ได้ข้อคิด มีคุณค่า ควรค่าแก่การ #แบ่งปัน

+++ เรื่องก็มีอยู่ว่า … +++
สุภาพสตรีในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเรียบๆ กับสามีของเธอ ในชุดสูทเนื้อผ้าธรรมดาๆ ก้าวลง จากรถไฟในชานชาลาสถานีเมืองบอสตัน ทั้งคู่ยืนรออย่างสงบอยู่หน้าสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด…

เลขานุการสาว ดูออกในแว่บเดียวว่า สามีภรรยาซอมซ่อคู่นี้ มาจากบ้านนอก และไม่น่ามีธุระอะไร ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดแห่งนี้ได้ หล่อนขมวดคิ้ว…

>> > >> “เราต้องการพบ ท่านอธิการบดี” สามีกล่าวนุ่มนวล
>> > >> “ท่านติดนัดตลอดทั้งวัน” เลขาฯสะบัดเสียงเล็กน้อย

>> > >> “งั้นเราจะรอ” ภรรยาตอบ

>> > >> เป็นเวลาหลายชั่วโมง ที่เลขานุการทำเป็นไม่สนใจ โดยประมาณว่า ทั้งคู่คงทนไม่ได้ และกลับไปเอง แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เลขาฯสาวเริ่มไม่แน่ใจ จึงต้องรบกวนเวลาท่านอธิการบดี…

>> > >> “พวกเขาคงแค่อยากพบท่านครู่เดียวก็กลับ” หล่อนอธิบาย

>> > >> ท่านอธิการบดี ถอนใจด้วยความเบื่อหน่าย แล้วก็พยักหน้าเสียไม่ได้ จริงๆแล้วคนสำคัญระดับท่านอธิการ จะมีเวลาพบคนระดับนี้ได้อย่างไร? แต่นั่นเถอะนะ ท่านคิด ดีกว่าปล่อยให้ คู่สามีภรรยาบ้านนอก ป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ ให้ใครต่อใครมาเห็น…

>> > >> ท่านเชิดหน้า อย่างทรงเกียรติ ใส่ทั้งคู่ ภรรยากล่าวขึ้น…

>> > >> “ลูกชายของเรา เคยเรียนในฮาร์วาร์ด 1 ปี เขารักฮาร์วาร์ดมาก และเขาก็มีความสุขที่นี่อย่างยิ่ง แต่เมื่อปีที่แล้ว เขาประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต สามีและดิฉันก็เลยอยากทำอะไรสักอย่าง ไว้เป็นที่ระลึกถึงเขา ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้…

ท่านอธิการไม่รู้! สึกร่วมแต่อย่างใด เพียงแต่ช็อคเล็กน้อย…

>> >>”คุณผู้หญิง เราไม่สามารถสร้างรูปปั้น ให้กับทุกคน ที่เคยเรียนฮาร์วาร์ด แล้วก็ตายหรอกนะ
ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนั้น ที่นี่คงดูไม่ต่างไปจาก สุสานแน่”

>> > >> “โอ…ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ท่านอธิการบดี” ภรรยารีบอธิบาย
>> > >> “เราไม่ได้ต้องการจะ สร้างรูปปั้น เราคิดว่า เราจะสร้างตึก ให้ฮาร์วาร์ดต่างหาก”

ท่านอธิการ กรอกตาไปมา เขามองไปที่ ชุดผ้าฝ้ายกับสูทบ้านนอก…

>> > >> “สร้างตึก!
>> > >>พวกคุณรู้ไหมว่า ใช้เงินเท่าไร ในการสร้างตึกสักหลังหนึ่ง เราใช้เงินไปมากกว่า 7.5
ล้านดอลลาร์ แค่ตอนเริ่มก่อตั้งฮาร์วาร์ดนี่”

>> > >> เป็นครู่ที่สุภาพสตรีเงียบกริบ ท่านอธิการรู้สึกโล่งอก ในที่สุด สามีภรรยาคู่นี้ ก็ถูกกำจัดไปได้เสียที แล้วภรรยาก็หันมาพูดกับสามีเบาๆว่า…

>> > >>> >> “ใช้เงินแค่นั้นเองน่ะหรือ ในการสร้างมหาวิทยาลัย? แล้วทำไม เราไม่สร้างของเราเอง สักแห่งหนึ่งล่ะ?”
>> > >> สามีผงกศีรษะ สีหน้าท่านอธิการ เต็มไปด้วยความงงงวยสุดขีด แล้วนายและนาง ลีแลนด์ สแตนฟอร์ด ก็เดินทางไปยัง
พาโลอัลโตในแคลิฟอร์เนีย ที่ๆพวกเขาก่อตั้งมหาวิทยาลัยภาย ใต้นามสกุลของครอบครัว เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ลูกชาย ที่ฮาร์วาร์ดไม่เคยเห็นคุณค่า ….

*** เรื่องนี้ดีมากเลย… มันเป็นเรื่องประวัติความเป็นมาของ มหาวิทยาลัย Standford ในสหรัฐฯ ***

ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง คู่แข่งกับมหาวิทยาลัย Harvard แต่มันสะท้อนให้เห็นถึง ค่านิยมของคน ที่ชอบตัดสินคนอื่น จากเปลือกนอก และอเมริกาประเทศที่เรา อยากจะเอาตามอย่างเขาเหลือเกิน…

อย่า มอง คน ที่ ภายนอก…
เรื่องจากประวัติของมหาลัย Stanford
ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=17537

+++ ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ความงามที่มีค่า ซ่อนอยู่ภายใน +++
เรื่องนี้เตือนสติว่า อย่ามองคนแค่เปลือก อย่าตัดสินคน จากภายนอก…
โดยเฉพาะ คนสมัยนี้ ที่ชอบตัดสินคน จากภายนอกกันครับ
เพราะผมคิดว่า ในสังคมเรา… ยังมีคนแบบนี้ อยู่อีกเยอะนะครับ..!



ผ้าขี้ริ้วห่อทอง  ความงามที่มีค่า ซ่อนอยู่ภายใน
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ความงามที่มีค่า ซ่อนอยู่ภายใน ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต

————————————————————————

+++ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี +++
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอันดับสองของโลกโดย Academic Ranking of World Universities ถูกจัดให้อยู่ในระดับ เดียวกับ Harvard, Yale, Princeton, MIT, Caltech บางครั้งเรียกย่อ ๆ ในกลุ่มเด็กนักเรียน High School ว่ากลุ่ม HYPSMC หมายถึงกลุ่มมหาวิทยาลัยที่สมัครเข้าเรียนยาก

นอกจากนี้สแตนฟอร์ดยังได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในสามมหาวิทยาลัยชั้นนำทางเทคโนโลยี นอกเหนือจาก MIT และ Caltech และมีนักวิจัยรางวัลโนเบลจำนวนมาก โดยเฉพาะในสาขาฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์การแพทย์ และเศรษฐศาสตร์

นอกจากนี้ สแตนฟอร์ดยังมีคลังข้อมูลและศูนย์เก็บเอกสารทางด้านศิลปศาสตร์ และสังคมศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับสากล เช่น US Federal Government Archive ห้องเก็บหนังสือโบราณ และยังมีบุคลากรชั้นแนวหน้าในสาขาต่างๆทุกสาขา
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94
————————————————————————

ลิ้งค์ คลิป youtube – เพลง ผ้าขี้ริ้วห่อทอง (โคนัน)
– เพลง ผ้าขี้ริ้วห่อทอง (โคนัน) คลิ๊ก !

+++ ผ้าขี้ริ้วห่อทอง คำคมและข้อคิดดีๆจาก สุภาษิตไทย +++
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงผู้ที่มีฐานะร่ำรวย แต่ทำตัวสมถะ หรือแต่งตัวซ่อมซ่อ

ผ้าขี้ริ้วห่อทอง หมายถึง คนที่มั่งมีเงินทอง แต่แต่งตัวซอมซ่อ ไม่โอ้อวดว่าตนเองนั้นร่ำรวย

สุภาษิตนี้ สอนให้เรารู้ว่า อย่ามองคน และอย่าตัดสินคน เพียงแต่ภายนอก และอย่ามองคน แค่เปลือกนอก

ที่มาของสํานวน เปรียบเปรยถึง หากเราเห็นผ้าขี้ริ้ว เราก็จะรู้สึกว่าสกปรก หรือไม่น่าพิสมัย แต่หารู้ไม่ว่า ข้างในผ้าขี้ริ้วนั้น มีของมีค่า ก็คือทองอยู่ข้างใน

————————————————————————

+++ ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ความงามที่มีค่าซ่อนอยู่ภายใน +++
อย่ามองคนแค่เปลือกนอก เพราะไม่สามารถบอก ธาตุแท้ อะไรได้ ให้มองที่ข้างใน มองที่ใจ มองที่การกระทำจะดีกว่า อย่าตัดสินใครด้วยรูปลักษณ์ภายนอก…

ดังนั้น การที่เราจะตัดสินใจว่า ใครเป็นยังไง จงดูให้ถ้วนถี่ อย่าเพียงแค่มองภายนอก มองให้ลึกเข้าไปถึงข้างใน ใช้เวลามอง ให้ทะลุเปลือกนอกเข้าไป ให้ถึงแก่นแท้ของจิตใจ ซึ่งคุณจะได้รู้ว่า จริงๆแล้วนั้น คนๆนั้นจริงๆแล้ว เป็นอย่างไรกันแน่ แล้วจึงค่อยตัดสินเค้า!

*** คำเตือน ***
อย่ามองคน แค่เปลือกนอก..!
อย่าตัดสินใคร จากภายนอก..!
อย่ามองโลกกว้างเกิน…แล้วก็…อย่ามองโลกแคบเกิน!

อย่าตัดสินคน จากภายนอก
อย่าตัดสินคน จากภายนอก ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต

————————————————————————

“จน” แปลว่า มีน้อย แต่ไม่ได้แปลว่า “ทุกข์”
“รวย” แปลว่า มีมาก แต่ไม่ได้แปลว่า “สุข”
แต่เมื่อไหร่ ที่ใจเรา… คิดว่า “พอ”
เมื่อนั้น ในใจของเรา จะมีความสุขขึ้นมาทันที…!

————————————————————————

สุดท้ายนี้… ขอบคุณความผิดพลาดทั้งหลาย… ที่ทําให้เรา… ฉลาดยิ่งกว่าเดิม!

4 thoughts on “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง เรื่องจริงที่คุณจะต้องอึ้ง”

  1. คนที่ท่าทางขึงขัง ดุดัน ดูภูมิฐานมั่นคง
    มักจะอ่อนแอ กว่าที่เห็นภายนอก เสียน้ำตาง่ายๆ กับบางเรื่อง

    คนที่ท่าทางอ่อนแอ ถูกรังแกเสมอ จะเป็นคนเข้มแข็ง
    เพราะเขาผ่าน ช่วงเวลาแสนเจ็บปวด มามากมาย

    คนที่อารมณ์ดี ร่าเริงตลอดเวลา มักจะโมโหร้าย
    และพร้อมที่จะระเบิดตลอดเวลาที่โมโห
    เพราะเขาไม่เคยรู้จักยับยั้ง จะปล่อยออกมาทุกสภาพอารมณ์

    คนที่หน้ามุ่ย ดูอารมณ์เสียตลอดเวลา
    จะไม่เที่ยวพาลคนอื่น เพราะเขาจะ เก็บความเครียดเอาไว้เอง

    คนที่มีเพื่อนเยอะ มักจะไม่พบเพื่อนแท้ เมื่อเขาโกรธเพื่อนคนไหน
    เขาก็จะแยกไปอยู่กับคนอื่นเสมอจะไม่มีการคุยปรับความเข้าใจกัน
    เพราะเขาจะคิดเสมอว่า เขามีเพื่อนเยอะ เขาไม่จำเป็นต้องง้อใคร

    คนที่มีเพื่อน เพียงแค่หนึ่งหรือสองคน
    เขาจะไม่มีที่พึ่งที่ไหน นอกจากเพื่อนสนิทของเขา
    ดังนั้นไม่ว่า เขาจะโกรธกันแค่ไหนก็ตาม
    เขาจะให้เวลา เพื่อปรับความเข้าใจกัน
    เพราะต่างคนต่างรู้ดีว่า เพื่อนนั้นมีค่ามากแค่ไหน

    คนที่ไม่เคยพ่ายแพ้ มักจะทนไม่ได้ที่จะดูความอับอายของตนเมื่อ
    ได้ทำพลาดไป และจะโทษคนอื่นเสมอ

    คนที่ไม่เคยได้พบกับ ความสำเร็จ
    มักจะไม่กระตือรือร้น ที่จะสร้างชื่อเสียง
    เพราะเขารู้สึกชินชา ที่ไม่ได้รับการสรรเสริญ

    จริงไหม………………………….
    ที่มา http://www.navy34.com/board342550/index.php?topic=2091.0

  2. +++ 10 ภาพบุคคล Judging America เตือนสติอย่ามองคนแค่เปลือก +++
    ซึ่ง Joel Pares จึงตัดสินใจสะท้อนประเด็นดังกล่าวแบบเจ็บแสบด้วยภาพชุด “Judging America” ที่รวบรวมบุคคลธรรมดาๆ จากหลากหลายอาชีพทุกสารทิศ ผิวขาว ผิวสี ตลอดจนคนต่างเชื้อชาติ จากนั้นก็ให้พวกเขาแต่งตัวจนรูปลักษณ์ภายนอกดูไม่น่าคบ แถมอาจโดนสังคมรังเกียจได้ง่ายๆ ทั้งที่พวกเขามีความดีซ่อนอยู่ด้านใน และให้ตรงกับความคิดแบบเหมารวมหรือ Stereotype ที่คนอเมริกาส่วนใหญ่มักจะตัดสินล่วงหน้ากันไปเองโดยพิจารณาจากรูปลักษณ์, สัญชาติหรือผิวสีของอีกฝ่าย

    ยกตัวอย่างเช่นคนผิวสีมักจะเป็นอาชญากร, คนอาหรับต้องเป็นผู้ก่อการร้าย หรือคนลาตินแอบเข้ามาค้าแรงงานในประเทศ ก่อนจะถ่ายรูปเปรียบเทียบให้เห็นกันจะๆ แบบ Before-After ว่าสิ่งที่หลายคนคิดไปเองกับความเป็นจริงนั้นมันอาจจะเป็นคนละเรื่องเดียวกันเสียด้วยซ้ำ!

    แค่การมองคนเพียงภายนอก และตัดสินใจโดยไม่คิด อาจทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดได้จริงๆ จนอาจทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกและไม่อยากทำความรู้จัก หรือติดต่อเราอีกเลยนะ และนี่ก็คือเรื่องง่ายๆ ที่คนส่วนใหญ่มักทำพลาดกัน…

    อ่านต่อ…
    http://teen.mthai.com/variety/80320.html

  3. อย่าด่วนตัดสินคนอื่น‏ .. ชอบอ่ะลองอ่านดูนะ

    เหตุการณ์วันนั้นแม้จะนานมาแล้ว แต่ก็ให้บทเรียนชีวิตแก่ผมมาก ลืมไม่ลง และทำให้ต้องระวังในการตัดสินใครต่อใครมากขึ้น ผมจะเล่าให้ฟังดังนี้ มีคนรู้จักเอาช็อกโกแลตชั้นดีจากต่างประเทศมาฝาก 2 กล่อง ผมพิจารณาดูแล้วเห็นว่าไม่ควรกิน เพราะจะทำให้เกิดโรคอ้วนและผลข้างเคียงอื่นได้มาก แต่นึกถึงเพื่อนลูกสองคนที่เขายังเด็กอยู่ ไม่อ้วน จึงคิดว่าจะเอาช็อกโกแลตไปฝากเด็กทั้ง 2 คนนั้น

    เย็นวันหนึ่งเลิกงานแล้วจึงไปหาเขา ระหว่างทางรถติดมาก โดยเฉพาะตรงสี่แยกหนึ่งรถติดยาวและฝนก็ตกพรำๆ ผมเห็นเด็กขายพวงมาลัยสองคนเดินขายพวงมาลัยเพื่อที่จะขายให้คนทีรถติดรถยาว แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อเพราะฝนตกพรำๆ ด้วย

    ผมเห็นแล้วเกิดความสงสาร แต่ไม่ได้คิดอยากซื้อพวงมาลัยหรอก เพราะเคยคิดว่าการขายของบนพื้นถนนเป็นสิ่งที่ไม่ควรสนับสนุน เพราะผิดกฎหมาย แต่ก็เข้าใจและเห็นใจคนยากจนที่เขาต้องการทำงานเพื่อเอาตัวรอด ด้วยความสงสารจึงทำให้ผมเปลี่ยนใจจากการที่จะเอาช็อกโกแลตไปฝากลูกเพื่อนกลับคิดว่าลูกเพื่อนก็เคยมีโอกาสได้กินช็อกโกแลตดีๆ มาแล้ว ถ้าเราเอามาให้เด็กขายพวงมาลัย 2 คนนี้แทนจะดีกว่า เพราะเขาคงไม่มีโอกาสได้กินช็อกโกแลตดีๆ อย่างนั้นมาก่อน

    คิดแล้วก็บีบแตรรถเบาๆ เรียกเด็กทั้งสองคนเข้ามาเขาดีใจนึกว่าจะซื้อพวงมาลัย แต่ผมบอกเขาว่าไม่ซื้อหรอกแต่ผมมีขนมสองกล่องเป็นของดี ไม่เสีย จะให้เขาคนละกล่องให้เขารับเอาไว้ไปกินได้

    เขาหันหน้ามามองผมอย่างงงๆ และรับกล่องช็อกโกแลตไป ลืมขอบคุณด้วย ผมดีใจที่ได้ทำสิ่งดีๆ ที่ไม่ได้นึกมาก่อนสำเร็จแล้ว นึกในใจว่าเด็กลืมขอบคุณเพราะคงงงๆ ก็ไม่ถือสา จึงขับรถต่อไป แต่เนื่องจากรถติดมากจึงขยับได้อีกนิดก็ต้องหยุด ยังไม่ผ่านไฟแดงอยู่ดี ขณะที่รถติดอยู่นั้นผมเห็นเด็กทั้งสองคนวิ่งตรงเข้ามาอีก พร้อมทั้งชูพวงมาลัยในมือทั้งสองคน
    ผมคิดว่า เอ เด็กสองคนนี้อยากจะขายพวงมาลัยมากจัง ให้ขนมไปแล้วยังอยากให้ซื้อพวงมาลัยอีกใจหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดรำคาญว่าน่าจะพอแล้ว ไม่น่าจะตื้อเรา

    แต่อีกใจก็สงสารอีกนั่นแหละ ไหนๆ ทำความดีแล้วลองช่วยซื้อพวงมาลัยเด็กอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร จึงแง้มกระจกรถถามว่า จะขายพวงมาลัยอีกเหรอ ขายอย่างไร เด็กตอบว่า เขาไม่ขายพวงมาลัยให้ผมหรอก แต่เขาจะเอาพวงมาลัยให้ผมคนละ 5 พวง เพราะผมให้ขนมเขา เขาก็อยากให้พวงมาลัยแก่ผม

    ผมรู้สึกอึ้ง คิดไม่ถึง ดีใจกึ่งแปลกใจ บอกเขาไปว่าอยากอุดหนุนเขา ให้เขารับเงินไปด้วย เขาบอกว่าไม่รับเงินหรอก ทีผมยังให้ขนมเขาได้ เขาก็อยากให้พวงมาลัยผมบ้างเป็นการตอบแทน ผมเข้าใจเขา รู้สึกผิดที่ตัดสินใจเกี่ยวกับเขาเร็วไป นึกว่าเขาเห็นผมใจดีให้ขนมยังไม่พอยังอยากให้ซื้อพวงมาลัยอีก

    ตกลงผมยอมรับพวงมาลัยจากเขาโดยขอรับจากเขาคนละพวงเรายิ้มให้กันตอนจากกันด้วยความสุขทั้งสองฝ่าย คืนนั้นผมกลับบ้าน เอาพวงมาลัยสองพวงนั้นใส่พานกราบพระพุทธรูปที่บ้านด้วยความเบิกบานใจเป็นพิเศษ
    เรื่องนี้ทำให้ความคิดว่าความกตัญญูกตเวทีมีได้จริง เห็นได้ทันตาเห็นด้วย และอย่าด่วนตัดสินพฤติกรรมของใครๆ เร็วเกินไป

    ส่วนใหญ่มนุษย์จะตัดสินคนอื่นๆ เร็วไป เพราะดูจากพฤติกรรมภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรและผิดพลาดได้ง่าย เช่น ….
    · อย่าตัดสินคนจน ว่าเขาต้องเป็นขโมยหรือขี้โกง
    · อย่าตัดสินคนอื่นที่เรียนน้อยว่าเขาต้องโง่
    · อย่าตัดสินคนที่แต่งกายเชยๆ และบุคลิกไม่ดี ว่าเป็นคนด้อยคุณภาพ
    · อย่าตัดสินคนที่ไม่ทำงาน ว่าเขาเป็นคนขี้เกียจ
    · อย่าตัดสินคนที่เขาไม่พูดกับเราว่าเขาเป็นคนหยิ่ง ( เขาอาจจะหูหนวกไม่ได้ยินที่เราพูดก็ได้)
    · อย่าตัดสินคนที่พูดห้วนๆ กิริยาห้าวๆ ว่าเป็นคนจิตใจกระด้าง ฯลฯ

    ส่วนใหญ่เรามักตัดสินคนจากพฤติกรรมภายนอกที่เราไม่ชอบเลยด่วนตัดสินว่าเขาไม่ดีหรือเป็นคนผิด เราไม่มีสิทธ์ตัดสินใครๆ ว่าเขาไม่ดีหรือเป็นคนผิดหรอก เพราะเราไม่ใช่ผู้พิพากษาเราน่าจะนึกเพียงว่า เราไม่ชอบบุคลิกและลักษณะบางอย่างของเขา … เท่านั้น และเหตุการณ์จากเด็กชายขายพวงมาลัยสองคนนี้คงทำให้ยิ่งต้องระมัดระวังในการตัดสินคนอื่นๆ ให้มากขึ้น

    ที่มา น.พ. วิทยา นาควัชระ

  4. เงิน เงิน เงิน | เงินคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา | Money
    นำ บทความดีๆ มีประโยชน์มาฝากครับผม…

    ความจริงเรื่องเงิน ที่คนไทยต้องรู้
    ผลสำรวจ ทักษะทางการเงินของคนไทย ในปี 56 ที่ผ่านมา
    ปรากฏว่า คนไทยรั้งท้าย ความรู้ด้านการเงิน…

    ทักษะทางการเงิน ของคนไทยยังต่ำ
    เผยผลสำรวจ ของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า
    คนไทยเราถือว่า มีทักษะทางการเงิน ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
    ของอีก 14 ประเทศ โดยได้คะแนนเพียง 58.5%
    ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของ 14 ประเทศอยู่ที่ 62.3%.

    และสถานการณ์ หนี้ภาคครัวเรือนของคนไทย ก็พุ่งสูงขึ้น
    อ่านต่อ …
    http://www.money.matethai.com/cash

Leave a Reply