บิลเกต VS บัฟเฟตต์



ตอนที่ 11 อิสรภาพทางการเงิน – บิลเกตVSบัฟเฟตต์

ตอนพิเศษ บิลเกตVSบัฟเฟตต์
โลกในมุมมองของ Value Investor ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
บิลเกตกับวอเร็น บัฟเฟตต์ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 1 และอันดับ 2
ของโลกคู่กันมานับสิบปีโดยมีทรัพย์สินที่เป็นความมั่งคั่งคนละประมาณ
50 – 60 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่แล้วบิลเกตจะเป็นอันดับหนึ่ง
แต่ปีล่าสุดดูเหมือนว่าบัฟเฟตต์จะไล่ตามมาติด ๆ

บิลเกตเป็นผู้ประกอบการ
เป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทไมโครซอพท์
เจ้าของระบบปฎิบัติการวินโดว์ที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
เกือบทุกเครื่องในโลกต้องใช้
เพราะฉะนั้นเขาคือบุคคลหมายเลขหนึ่งของโลกแห่งข้อมูล
ซึ่งเป็นโลกปัจจุบันและโลกแห่งอนาคต

วอเร็น บัฟเฟตต์ เป็นนักลงทุนหมายเลขหนึ่งของโลก
ที่ชีวิตทั้งชีวิตคือการลงทุน
เขาแทบไม่เคยทำงานอย่างอื่นนอกจากการลงทุนตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก
สิ่งที่บัฟเฟตต์ลงทุนนั้นมีตั้งแต่สิ่งทอ ชอคโกแล็ต เฟอร์นิเจอร์ ประกันภัย
เครดิตคาร์ด สวนสนุก น้ำอัดลม ธนาคารและ อื่น ๆ อีกมาก แต่ที่ดูเหมือน
เขาจะหลีกเลี่ยงหรือลงทุนน้อยมาก ก็คือเรื่องของไอที
และสิ่งที่เป็นความชำนาญของบิลเกต
บางคนบอกว่าบัฟเฟตต์อยู่ในโลกของเศรษฐกิจยุคเก่า

ทั้งบิลเกตและวอเร็น บัฟเฟตต์
ต่างก็สร้างตัวขึ้นมาเองด้วยความสามารถและสายตาที่
เฉียบแหลมในการมองธุรกิจ บิลเกต
เข้าเรียนที่ฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยหมายเลข 1 ของโลก
แต่เรียนไม่จบ เพราะธุรกิจของบริษัทไมโครซอพท์
ก้าวหน้าไปเร็วมากจนเขาต้องลาออกจาก
มหาวิทยาลัยเพื่อทุ่มเทให้กับกิจการอย่างเต็มที่

บัฟเฟตต์เองเคยสมัครเข้าเรียนที่ฮาวาร์ด
แต่ถูกปฎิเสธทำให้เขาต้องไปเข้ามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
ซึ่งทำให้เขาได้พบและเรียนกับ
อาจารย์เบน เกรแฮม บิดาแห่งการลงทุนแบบ Value Investment
บัฟเฟตต์บอกว่า เขาโชคดีที่ฮาวาร์ดปฎิเสธเขา

บิลเกตกับวอเร็น บัฟเฟตต์เป็นเพื่อนซี้กัน
เขาชอบเล่นบริดจ์ และ พาครอบครัวไปพักผ่อนด้วยกัน
แม้ว่าจะเป็นคน “ต่างรุ่น” คือบิลเกต อายุประมาณ 50
และวอเร็น บัฟเฟตต์ อายุกว่า 70 ปี
ซึ่งเรียกว่าเป็นรุ่นพ่อแล้ว

บิลเกตได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ของ ไมโครซอพท์แทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของคนจำนวนมาก
ในโลกที่ต้องพึ่งพา ข่าวสารข้อมูลในปัจจุบัน

วอเร็น บัฟเฟตต์เองก็ได้รับการโหวตว่าเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพล
ที่สุดทางธุรกิจของสหรัฐ แม้ว่าเขาจะไม่ได้บริหารกิจการที่ขายสินค้าแบบไมโครซอพท์
แต่คำพูดและความเห็นของบัฟเฟตต์นั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางตั้งแต่ชาวบ้าน
ที่เป็นนักลงทุนและนักธุรกิจไปจนถึงวุฒิสมาชิกที่เป็นผู้ร่างกฎหมายบังคับใช้กับคนทั้งประเทศ

บิลเกตเป็นผู้บริหารเชิงรุกที่ทำทุกอย่างเพื่อสร้างกำไรให้กับบริษัท
และความมั่งคั่งให้แก่ผู้ถือหุ้น
การต่อสู้และทำลายคู่แข่งด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมถึงการพยายาม “ผูกขาด”
ธุรกิจด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ชอบธรรมในสายตาของบิลเกต



แต่วอเร็นบัฟเฟตต์เป็นนักลงทุนที่พยายามหลีกเลี่ยง
ที่จะต้องเข้าไปสู้รบปรบมือกับคนอื่น
บัฟเฟตต์บอกว่าความสำเร็จของเขานั้นเกิดขึ้นจากการที่เขาสามารถหาเป้าหมายง่าย ๆ
ในการลงทุน ไม่ใช่การเข้าไปต่อสู้หรือแก้ปัญหายาก ๆ ทางธุรกิจ
เขาเปรียบหลักการนี้ว่าเหมือนกับการ “หลีกเลี่ยงมังกรแทนที่จะพยายามฆ่ามัน”

บิลเกตเป็นคนในยุคสารสนเทศอย่างแท้จริง
เขาชอบและพิสมัยในเรื่องของคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยี่ข้อมูลและการสื่อสารใหม่ ๆ
แม้แต่บ้านของเขาก็ถูกออกแบบให้เป็น
บ้านอัจฉริยะลงทุนนับพันล้านบาท
แต่วอเร็น บัฟเฟตต์เองกลับทำอะไรไม่ถูกเมื่อ
ต้องใช้คอมพิวเตอร์

เพราะฉะนั้น การบริหารเงินลงทุนนับล้าน ๆ บาท
จึงทำ “ภายในหัว” ของเขา ส่วนคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่นั้น
เขาเอาไว้ต่ออินเตอร์เนทเพื่อเล่นบริดจ์กับ
คนที่อยู่ต่างเมือง บ้านที่วอรเร็น บัฟเฟตต์อยู่ก็เป็นบ้านเก่าที่ซื้อมาหลายสิบปี
สิ่งที่บัฟเฟตต์บริโภคอยู่เป็นประจำ
ดูเหมือนว่าจะเป็นโค๊กกับสเต็คที่ร้านเก่าเจ้าประจำ
บัฟเฟตต์บอกว่าจะ “เสี่ยง” ไปทำไม
ในเมื่อของเดิมมันอร่อยอยู่แล้ว

บิลเกตเป็นคนใจบุญ
เขาน่าจะเป็นคนที่บริจาคเงินให้การกุศลมากที่สุดของโลกใน
ปัจจุบันด้วยเงินบริจาคนับหมื่นล้านบาท
มูลนิธิของเขาให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยโรคเอดส์
และผู้ยากไร้ทั่วโลก วอเร็น บัฟเฟตต์
บริจาคเงินค่อนข้างน้อยจนชาวบ้านค่อนขอด
บัฟเฟตต์บอกว่าเงินเกือบทั้งหมดของเขา
จะถูกบริจาคให้กับมูลนิธิเมื่อเขาและภรรยาตายแล้ว
ความคิดของเขาก็คือเงินถ้าอยู่กับเขา
จะสามารถออกดอกผลมากกว่าให้ไปตั้งแต่ตอนนี้

ทั้งบิลเกตและวอเร็น บัฟเฟตต์เองไม่ได้ใช้ชีวิตฟู่ฟ่าเป็นไฮโซ
ชีวิตประจำวันค่อนข้างธรรมดาแบบชาวบ้านทั่วไป
ครั้งหนึ่ง ขณะที่มีนัดประชุมกับคนอื่นที่สำนักงานแห่งหนึ่ง
เพื่อนร่วมงานของเขาบอกว่า บิลเกตบ่นว่าค่าที่จอดรถแพง
พยายามเวียนหาที่จอดรถอื่น
ที่ราคาถูกกว่า วอเร็น บัฟเฟตต์นั้นไม่ต้องพูดถึงความมัธยัสถ์ เขายังใช้รถเก่า
และเสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็ค่อนข้างเชย
จนคนทักและเพิ่งเปลี่ยนเป็นสูทชั้นดีไม่นานมานี้เอง

และทั้งหมดนี้ก็คือเสี้ยวหนึ่งของชีวิต
ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างคนสองคน
ที่มีอิทธิพลและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนทั้งโลก
ที่พยายามจะเดินตามเพื่อความสำเร็จในชีวิต
คนที่มุ่งไปทางด้านของการเป็นนักธุรกิจหรือผู้ประกอบการ
ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกเดินตามแนว
ของบิลเกตเพียงด้านเดียว

และเช่นเดียวกันคนที่รักจะเป็นนักลงทุน
ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกทำ
ตามวอเร็น บัฟเฟตต์เพียงคนเดียว เพราะทั้งบิลเกตและวอเร็น บัฟเฟตต์
ต่างก็เป็นตัวอย่างที่ดีและมีหลักการชีวิตร่วมกันอยู่มาก
วอเร็น บัฟเฟตต์เองเคยบอกว่า
นักลงทุนที่ดีจะเป็นนักธุรกิจที่ดี และนักธุรกิจที่ดีจะเป็นนักลงทุนที่ดีได้

อิสรภาพทางการเงินโดย money.matethai.com

$$$ ลิ้งที่เกี่ยวข้อง $$$
อิสรภาพทางการเงิน ตอนที่ 0 -12